เพิ่มประสิทธิภาพและเสริมความร่วมมือหน้างาน ด้วย “สะพานข้อมูล” จาก KANNA ที่บริษัท ฮิตาชิ เอลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด วางใจเลือกใช้


ชื่อบริษัท
บริษัท ฮิตาชิ เอลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Hitachi Elevator (Thailand) Co., Ltd.)
จำนวนพนักงาน
ประมาณ 650 คน
ประเภทธุรกิจ
ประเภทธุรกิจ: ธุรกิจลิฟต์และบันไดเลื่อน, ธุรกิจสมาร์ทบิลดิ้ง
บริการที่ใช้งาน
กว่า 50 ปีที่ บริษัท ฮิตาชิ เอลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านลิฟต์และบันไดเลื่อน โดยมุ่งมั่นสร้างความปลอดภัยและความราบรื่นให้กับการเดินทางภายในอาคารต่างๆ ทั่วประเทศไทย ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตธุรกิจสู่ Smart Building เพื่อยกระดับมูลค่าของอาคารในทุกมิติ ทั้งด้านความปลอดภัย, พลังงาน, และประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่เกิดขึ้นคือ การสื่อสารและข้อมูลจากลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจที่กระจัดกระจายอยู่ในหลายช่องทาง ทั้งอีเมล, LINE และการพูดคุยแบบปากเปล่า ทำให้การบริหารจัดการแต่ละงานเป็นเรื่องยุ่งยากและใช้เวลานาน
เพื่อแก้ปัญหานี้ ฮิตาชิ เอลิเวเตอร์ จึงตัดสินใจนำ KANNA เข้ามาใช้งาน บทความนี้จะบอกเล่าถึงปัญหาที่ต้องเผชิญ เหตุผลที่เลือก KANNA และผลลัพธ์ที่น่าทึ่งหลังการใช้งานจริง จากมุมมองของผู้บริหารทั้ง 3 ท่าน ได้แก่ คุณ Yoshihiko Takatsu, คุณ Watchara Wongrattanatrai และคุณ Pongpitak Paksarn
ภูมิหลังและผลลัพธ์จากการนำ KANNA มาใช้
ประเด็นปัญหา
เบื้องหลังและผลลัพธ์ของการนำ KANNA มาใช้
ความท้าทาย
- ข้อมูลกระจัดกระจาย: ข้อมูลและการสอบถามงานจากลูกค้ากระจายอยู่ในหลายแพลตฟอร์ม ทำให้ใช้เวลาในการติดตามงานมาก
- การทำงานไม่ต่อเนื่อง: การบริหารจัดการงานภาคสนามด้วย Excel มีความซับซ้อน ทำให้ต้องกลับเข้าออฟฟิศเพื่อทำรายงาน ส่งผลให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง
- ความเสี่ยงในการทำงาน: การพลาดข้อมูลหรือการรายงานที่ล่าช้าส่งผลโดยต รงต่อคุณภาพของงาน
ปัจจัยสำคัญในการนำไปใช้
เหตุผลในการเลือก KANNA
- ใช้งานง่าย: อินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ทำให้ทีมงานปรับตัวเข้ากับการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
- รองรับหลายภาษา: ระบบสนับสนุนทั้งภาษาไทย, ญี่ปุ่น และอังกฤษ ทำให้การติดตั้งและนำไปใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น
ผลลัพธ์และการปรับปรุง
ผลลัพธ์และการปรับปรุง
- สามารถรายงานงานหน้างานได้ทันทีผ่านสมาร์ทโฟน ช่วยลดเวลาการเดินทางกลับออฟฟิศและการประชุมที่ไม่จำเป็นได้อย่างมหาศาล
- การแชร์ข้อมูลทำได้รวดเร็วขึ้น ทำให้การแก้ปัญหาที่ต้องอาศัยฝ่ายสนับสนุนดำเนินไปได้รวดเร็วและแม่นยำ
- KANNA กลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างทีมขายและทีมบริหารโครงการ ช่วยให้การนำเสนอโซลูชันแก่ลูกค้ามีความแม่นยำและน่าเชื่อถือมากขึ้น
ผู้ให้สัมภาษณ์

ผู้ให้สัมภาษณ์
บริษัท ฮิตาชิ เอลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Hitachi Elevator (Thailand) Co., Ltd.)
- Digital Building Solution Division, General Manager: Yoshihiko Takatsu
- Digital Building Solution Division, Assistant General Manager: Watchara Wongrattanatrai
- Digital Building Solution Division, Senior Department Manager: Pongpitak Paksarn
ยกระดับ Digital Transformation เพื่อสนับสนุนธุรกิจ Smart Building
—— ก่อนอื่น ช่วยเล่าเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทหน่อยได้ไหมครับ?
คุณ Takatsu: ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว มีการก่อสร้างตึกสูงและโครงการขนาดใหญ่ต่อเนื่อง อาคารไม่ได้ถูกมองแค่สถานที่อยู่อาศัยหรือทำงานอีกต่อไป แต่ถูกประเมินตามประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และความยั่งยืน ทำให้ความต้องการด้าน Smart City และ Smart Building เพิ่มสูงขึ้น เราเองก็เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการตอบสนองความต้องการเหล่านี้
ตลอด 50 ปีที่ผ่านมาในประเทศไทย ฮิตาชิ เอลิเวเตอร์ ได้สนับสนุนการเดินทางที่ปลอดภัยและสะดวกสบายผ่านลิฟต์และบันไดเลื่อน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ต่อการพัฒนาเมือง ปัจจุบันเรากำลังต่อยอดสู่ธุรกิจสมาร์ทบิลดิ้ง ยกระดับคุณค่าของอาคารทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพพลังงาน และการจัดการ โดยมีพันธกิจว่า “สร้างอนาคตของอาคาร” มุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่สังคม เมือง และชีวิตของผู้คน
“ข้อมูลที่กระจัดกระจาย” และ “การรายงานที่ยุ่งยาก” คืออุปสรรคสำคัญ
—— ในการดำเนินธุรกิจ ท่านเจอปัญหาอะไรบ้างครับ?
คุณ Takatsu: การสื่อสารกับลูกค้าและพันธมิตรมีหลายช่องทาง ทั้งอีเมล LINE และการพูดคุย ทำให้เสียเวลามากในการติดตามงาน อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะพลาดข้อมูลหรือตอบสนองล่าช้า
คุณ Jom: การจัดการงานภาคสนามใช้ Excel เป็นหลัก ซึ่งซับซ้อนและไม่สะดวก อีกทั้งต้องกลับออฟฟิศเพื่อทำรายงาน ทำให้การตอบสนองภาคสนามหยุดชะงัก และบางครั้งส่งผลต่อคุณภาพงาน จำเป็นต้องหาวิธีแก้ไข
—— ทำไมถึงเลือกใช้ KANNA?คุณ Takatsu: เราได้พิจารณาหลายเครื่องมือ แต่ KANNA มี UI ที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย ทำให้ทีมภาคสนามปรับตัวได้รวดเร็ว ที่สำคัญที่สุดคือระบบสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ทั้งภาษาไทย ญี่ปุ่น และอังกฤษ พร้อมการช่วยเหลือแบบใกล้ชิด ทำให้การนำเข้าใช้งานราบรื่น
เชื่อมโยงหน้างาน ผู้บริหาร และทีมขาย เพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการนำเสนอ
—— หลังจากใช้งานจริง ได้ผลลัพธ์อย่างไรบ้างครับ?
คุณ Jom: สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดและเปลี่ยนแปลง การรายงานจากหน้างาน แต่ก่อนต้องกลับออฟฟิศเพื่อเขียนรายงาน ตอนนี้เพียงสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็สามารถแนบรูปและรายงานแบบเรียลไทม์ได้ ทำให้ประหยัดเวลา และเพิ่มความเร็วในการแชร์ข้อมูล
คุณ Ann: จากมุมมองผู้บริหาร KANNA มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมใน 3 ด้าน คือ
- ลดขั้นตอนบางส่วนของงาน เนื่องจากข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ในระบบ KANNA ทำให้ไม่ต้องจัดประชุมบ่อยที่ออฟฟิศ
- แก้ปัญหาได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะปัญหาที่ต้องการการสนับสนุนจากแบ็กออฟฟิศ
- KANNA กลายเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างทีมบริหารโครงการและฝ่ายขาย ทำให้ฝ่ายขายเข้าถึงข้อมูลหน้างานแบบเรียลไทม์ สามารถนำเสนอทางออกที่แม่นยำแก่ลูกค้าได้

มุมมองอนาคต: จากภายในสู่ภายนอก
—— ในอนาคตข้างหน้า มีแผนอย่างไรต่อไปครับ?
คุณ Takatsu: ต่อจากนี้เราวางแผนที่จะใช้ KANNA ไม่เพียงแต่ในงานภายใน แต่ยังรวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรและลูกค้า การเชื่อมต่อหน้างาน ออฟฟิศ และคู่ค้าอย่างไร้รอยต่อ จะช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพของโครงการทั้งหมด และเป้าหมายสูงสุดคือ การมีส่วนร่วมสร้างเมืองที่ยั่งยืนในประเทศไทยผ่านธุรกิจสมาร์ทบิลดิ้ง ซึ่งเรามั่นใจว่า KANNA จะเป็นรากฐานสำคัญในการทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริง
วันที่เผยแพร่: September 8, 2025

